ฤดูกาล 2013-2014 ของ เรอัล มาดริด กลายเป็นปีแห่งการทำลายสถิติและการสร้างประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งทีม “ราชันชุดขาว” สามารถคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปได้สำเร็จ หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน 12 ปี การคว้าแชมป์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรอัล มาดริดเพิ่มถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 10 (ที่เรียกว่า "La Decima") แต่ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการทำงานที่ยอดเยี่ยมจากผู้จัดการทีม คาร์โล อันเชล็อตติ และการที่ทีมมีนักเตะที่เต็มไปด้วยคุณภาพทั้งในด้านการเล่นเกมรุกและเกมรับ
เส้นทางสู่การคว้าแชมป์
การเดินทางของเรอัล มาดริดในฤดูกาล 2013-2014 เริ่มต้นในรอบแบ่งกลุ่มที่พวกเขาผ่านมาได้อย่างง่ายดาย และในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็สามารถผ่าน ทีมชาลเก้ 04 จากเยอรมันด้วยคะแนนรวมที่ขาดลอย 9-2 ความเด็ดขาดในเกมรุกและการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขันทำให้เรอัล มาดริดสามารถบุกไปชนะทุกทีมในทางที่มั่นคง
การร่วมมือกันของซุปเปอร์สตาร์
ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมเรอัล มาดริดได้พบกับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป แต่เรอัล มาดริดแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาด โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด ที่ทำผลงานได้โดดเด่นในทุกรอบการแข่งขัน โดยเฉพาะในรอบ 8 ทีมที่เขาทำแฮตทริกในเกมเลกแรกที่ บาเยิร์น จบลงด้วยการแพ้ 0-4 ที่บ้านของตัวเอง นอกจากโรนัลโดแล้ว ยังมี แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซมา, และ อิสโก้ ที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์เกมรุกและทำประตูสำคัญในแต่ละนัด
ความเหนียวแน่นในเกมรับ
ในเกมรองชนะเลิศและนัดชิงชนะเลิศ การทำงานร่วมกันในเกมรับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรอัล มาดริดสามารถคว้าแชมป์ได้ โดยผู้รักษาประตูอย่าง อิเกร์ กาซียาส และแนวรับที่มีความแข็งแกร่งจาก เซร์คิโอ รามอส, เปเป้ และ ฟาบิโอ โคเอนเทรา ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับความกดดันจากคู่แข่งได้อย่างมั่นคง และเมื่อถึงเวลาที่จำเป็นก็สามารถป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยม
เกมนัดชิงชนะเลิศกับแอตเลติโก มาดริด
การเผชิญหน้ากับ แอตเลติโก มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศที่ ลิสบอน เป็นการเจอกันระหว่างสองทีมจากเมืองเดียวกัน การแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะแอตเลติโกนำไปก่อน 1-0 จากประตูของ ดีเอโก้ โกดิน แต่ในช่วงนาทีที่ 93 เซร์คิโอ รามอส โหม่งประตูตีเสมอได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เรอัล มาดริดมีโอกาสในการทำประตูเพิ่มเติม และในที่สุดก็สามารถเอาชนะแอตเลติโกไปได้ 4-1 หลังจากเวลาพิเศษ
มรดกที่สร้างขึ้น
การคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2014 นอกจากจะเป็นการทำลายคำสาป “La Decima” (แชมป์ยุโรปครั้งที่ 10) ของเรอัล มาดริดแล้ว ยังเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในระดับทวีปยุโรปที่สร้างมรดกให้กับทีมและแฟนบอลทั่วโลก การคว้าแชมป์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับนักเตะอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด, เซร์คิโอ รามอส และ คาร์โล อันเชล็อตติ แต่ยังเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งของ “ราชันชุดขาว” ในฟุตบอลยุโรป









إرسال تعليق